วันนี้สถาบันสอนภาษาจีนจงซินจะมานำเสนอ 5 เทคนิค การจำพินอินในภาษาจีนได้เร็ว โดยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ภาษาจีนได้เข้ามามีบทบาทในไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการที่มีแพลตฟอร์ม และแอพลิเคชันต่างๆ เปิดให้บริการเกี่ยวกับภาษาจีนที่หลากหลายมากขึ้น เชื่อว่าคงทำให้หลายคนอยากที่จะเริ่มเรียนภาษาจีน แต่พอจะมาเริ่มเรียนแบบจริงๆ จังๆ กลับไปต่อไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าควรที่จะต้องเริ่มจากตรงไหน สามารถดูบทความเรียนภาษาจีนด้วยตัวเอง ได้ที่นี่
ซึ่งถ้าหากพูดถึงการเริ่มเรียนภาษาจีนแล้ว หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าสิ่งแรกที่ต้องเรียนก็คือพินอินนั่นเอง เดาได้ว่าทุกๆคน คงเกิดคำถามในใจว่าพินอินคืออะไร สำคัญแค่ไหน แล้วทำไมต้องเรียน เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องค้างคาใจ บทความนี้จึงจะมาช่วยไขทุกความสงสัย พร้อมทั้งแนะนำเทคนิคที่จะช่วยให้การเรียนพินอินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่น่าเบื่อกันค่ะ
พินอินคือการยืมเอาตัวอักษรภาษาอังกฤษมาใช้เพื่อช่วยในการออกเสียงในภาษาจีน ถึงแม้ว่าพินอินจะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ แต่ว่าหลักการออกเสียง และการผสมคำนั้นกลับแตกต่างออกไป โดยพินอินจะอิงจากการออกเสียงในภาษาจีนเป็นหลัก
นอกจากนี้แล้ว การเขียนพินอินให้ถูกต้องยังมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องของการออกเสียง เพราะไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ภาษาจีนในคอมพิวเตอร์ หรือในโทรศัพท์ก็ตาม ในปัจจุบันต่างก็ล้วนใช้การพิมพ์ในรูปแบบพินอิน แทนการพิมพ์แบบเส้นขีด อีกทั้งในบางครั้ง หากเราไม่ทราบว่าตัวอักษรจีนนั้นๆ มีรูปแบบการเขียนอย่างไร การที่เรารู้จักพินอินของคำนั้นๆ ก็จะช่วยให้รู้วิธีเขียนจากการหาศัพท์จีนคำนั้นๆ ในพจนานุกรมได้นั่นเอง
5 เทคนิคที่จะช่วยให้เรียนพินอินได้ดี แบบเห็นผลไวและมีประสิทธิภาพ
อย่างที่ได้อ่านกันไปแล้วในข้างต้น การเรียนพินอินให้ได้ผลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนสามารถออกเสียงได้อย่างแม่นยำและชัดเจน เขียนพินอินได้ถูกต้อง และจำกฎการใช้ได้อย่างขึ้นใจนั้น บทความนี้จึงได้มีการรวบรวมเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้สามารถเรียนพินอินได้ไวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพกันค่ะ
1.ออกเสียงควบคู่ไปกับการเขียนพินอิน
การเขียนพินอินคำนั้นๆ ไปพร้อมกับการออกเสียงตาม จะช่วยฝึกให้เราสามารถออกเสียงพินอินได้ถูกต้องตามเสียงพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เนื่องจากเมื่อฝึกจนคุ้นชินแล้วนั้น เราจะสามารถเขียนหรือออกเสียงพินอินคำไหนก็ได้ที่เห็นหรือได้ยิน และยิ่งไปกว่านั้นคือ การฝึกพินอินด้วยเทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถจำพินอินและการออกเสียงได้ไวขึ้นเป็นเท่าตัวอีกด้วย
2.ออกเสียงตามกฎการผันเสียงของพินอิน
อย่างที่เคยได้กล่าวไปแล้วว่า การไม่ระมัดระวังในการออกเสียงตามกฎผันเสียงของพินอินนั้น ทำให้ในหลายๆ ครั้งบางคนเผลอออกเสียงผิดไป ดังนั้นเทคนิคการฝึกออกเสียงตามแต่ละกฎของพินอินจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน เช่น เมื่อศึกษากฎการผันเสียงของคำว่า 一 ในภาษาจีน เมื่อรู้ว่ามันสามารถออกเสียงได้กี่รูปแบบแล้วนั้น ก็ควรลองออกเสียงตามรูปแบบที่ได้เรียนมาโดยใช้คำหลายๆ คำ วิธีนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถคุ้นชินกับการผันเสียงได้เร็วยิ่งขึ้น เมื่อเจอพินอินที่ตรงกับกฎของพินอินนั้นๆ ก็สามารถออกเสียงถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ
3.ออกเสียงตามชื่อหรือคำพูดของศิลปินจีน
แน่นอนว่าการออกเสียงเพียงอย่างเดียวคงทำให้ใครหลายๆคนเกิดความเบื่อหน่ายได้ง่ายๆ ดังนั้นหากเรานำเอาความชอบอยากตามศิลปินจีนหรือซีรีส์จีนเข้ามารวมกับการฝึกแล้วนั้น ก็คงจะช่วยให้เพื่อนๆ มีกำลังใจในการฝึกขึ้นได้ไม่น้อย การฝึกออกเสียงชื่อหรือคำพูดของศิลปินจีนนั้น นอกจากจะช่วยให้คอซีรีส์จีนทั้งหลายสนุกไปกับการเรียนแล้วนั้น ยังช่วยให้ผู้เรียนรู้แนวทางการออกเสียงที่ถูกต้องและตรงตามมาตรฐานภาษาจีนกลางได้ฝึกอีกด้วย
4.เขียนพินอินตามคำพูดของศิลปินจีน
นอกจากการออกเสียงตามชื่อหรือคำพูดของศิลปินจีนแล้ว การฝึกเขียนพินอินตามคำพูดของศิลปินจีนนั้นก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่คุ้มค้าและคู่ควรต่อการฝึกด้วยเช่นกัน โดยอาจเริ่มจากประโยคสั้นๆ ที่ประกอบไปด้วย 2-3 คำก่อนก็ได้ แล้วค่อยพัฒนาไปเป็นประโยคยาวๆ หรือลองสุ่มเอาสักคำสองคำจากประโยคทั้งหมดมาฝึกเขียนพินอินก็ได้ วิธีนี้ถึงแม้ว่าอาจจะดูยากไปหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาจีน แต่รับรองได้ว่าจะช่วยให้ทักษะการฟัง และการแยกแยะส่วนประกอบพินอินของเพื่อนๆ พัฒนาได้เป็นอย่างดีแน่นอนค่ะ
5.ออกเสียงคำที่ประกอบด้วยเสียงที่คล้ายกัน
หากผู้เรียนสามารถออกเสียงและเขียนพินอินได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่ควรฝึก และไม่ควรมองข้ามเลยก็คือการออกเสียงคำที่มีเสียงคล้ายกัน เนื่องจากในหลายๆ ครั้ง ผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาจีนมักออกเสียงคำเหล่านี้ได้ไม่ชัดเจน หรืออาจะฟังแล้วแยกไม่ออกว่าเป็นคำที่มีพินอินคนละตัวกัน
นอกจากการฝึกออกเสียงคำที่มีเสียงคล้ายกันแล้ว อาจลองฝึกออกเสียงด้วยประโยคพลิกลิ้น หรือที่เรียกว่าประโยคลิ้นพัน เพื่อฝึกฝนความลื่นไหลและคล่องแคล่วในการพูดภาษาจีนด้วยก็เป็นได้ ซึ่งการฝึกออกเสียงด้วยประโยคเหล่านี้นั้นจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถรู้ได้ว่าตนเองอ่อนในการออกเสียงพยัญชนะ สระ หรือวรรณยุกต์ตัวไหน ทำให้สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ
- ตัวอย่าง 1 Sì shì sì, shí shì shí, shí sì shì shí sì, sì shí shì sì shí.
(四是四,十是十,十四是十四,四十是四十。)
- ตัวอย่าง 2 Hēi huà féi fā huī huì huī fā; huī huà féi huī fā huì fā hēi.
(黑化肥发灰会挥发;灰化肥挥发会发黑。)
เชื่อว่าในตอนนี้ หลายๆคน ที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาจีนคงจะได้เทคนิคที่ช่วยฝึกการใช้พินอิน และการออกเสียงภาษาจีนไปแล้ว หากว่าตั้งใจและนำเทคนิคเหล่านี้ไปฝึกฝนแล้วนั้น การพูดภาษาจีนก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ในเวลาไม่นานแน่นอน หรือในบางครั้งก็อาจทำให้สามารถพูดประโยคง่ายๆ ในภาษาจีนได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้จักตัวอักษรจีนก็ตาม